วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555

Link Blog




Link Bloc K
เลขที่ 1 :
เลขที่ 2 : http://bedrockman.blogspot.com/
เลขที่ 3 : http://potatopotat.blogspot.com/
เลขที่ 4 : http://pattapattap.blogspot.com/
เลขที่ 5 : http://satitm4.blogspot.com/
เลขที่ 6 : http://patsasimildddd.blogspot.com/
เลขที่ 7 : http://seungchabe.blogspot.com/ 
เลขที่ 8 : http://thanawadee4108.blogspot.com/
เลขที่ 9 : http://profilepround.blogspot.com/
เลขที่ 10: http://pimchanajenny.blogspot.com/
เลขที่ 11: -
เลขที่ 12: http://chanaweezzzz.blogspot.com/ 
เลขที่ 13: http://cuolionet12.blogspot.com/
เลขที่ 14: http://52654258.blogspot.com/
เลขที่ 15: http://nooknaruemonn.blogspot.com/2012/09/about-me.html
เลขที่ 16 :http://nook62224.blogspot.com/
เลขที่ 17 : http://phanarai4117love.blogspot.com/2012/09/permalink-to-dakota-rose.html
เลขที่ 18 : http://passornsss.blogspot.com/
เลขที่ 19 : http://wakefresh.blogspot.com/
เลขที่ 20 : http://jidapaswork.blogspot.com/
เลขที่ 21 : 
เลขที่ 22 : http://patsornpatsorn22.blogspot.com/
เลขที 23 : http://veryfunprofile.blogspot.com/
เลขที่ 24 : http://jukkaphanz.blogspot.com/
เลขที 25 : http://web4125.blogspot.com/2012/09/17-55.html 
เลขที่ 26 : http://jutamart4126.blogspot.com/
เลขที่ 27 : http://gambonjour4127.blogspot.com/
เลขที่ 28 :
เลขที่ 29 : http://doraeamon.blogspot.com/
เลขที่ 30 : http://pantanutps.blogspot.com/
เลขที่ 31 : http://goodstoryu.blogspot.com/
เลขที่ 32 : http://gramgram1.blogspot.com/
เลขที่ 33 : 
เลขที่ 34 : http://sarutzz.blogspot.com/
เลขที่ 35 :
เลขที่ 36 :
เลขที่ 37 :http://ausmasealx.blogspot.com/

วันจันทร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2555

Diary 17/09/12

Diary 17/09/12

อ๊าาาา วันนี้วันจันทร์แล้วไม่อยากไปโรงเรียนเลย ต้องตื่นแต่เช้าอีก อยากจะบ้าาาา
กําลังนอนหลับสบายๆ นาฬิกาก็ปลุก จะรีบปลุกไปไหนนนนนน ยังไม่อยากตื่นเลย แงงงง
พอมาโรงเรียนแทบหลับเลย แต่ดีที่ช่วงเช้าเป็นคาบว่างไม่ต้องทําอะไร  เลยนอนสบายเลย 555
นอนๆอยู่หันหน้าไปกระแทกกับเก้าอี้อีก เจ็บเป็นบ้าาา  โดนตรงตาพอดีเลย👀 เจ็บTT
แล้ววันนี้ก็ไม่สอบคณิตอีกอุตส่าอ่านหนังสือมา อยากสอบวันนี้ๆๆ ทําไมต้องสอบพรุ่งนี้ด้วยก็ไม่รู้
ถ้าสอบพรุ่งนี้ต้องยากแน่ๆ เพราะสอบหลังกลุ่มสองอ่ะ แล้วพรุ่งนี้ก็สอบฟิสิกส์อีก ยังไม่ได้อ่านเลย
ตายแน่ๆๆ งานก็เยอะ ยังไม่ได้ทําสักอย่าง YY
 ตอนเย็นไม่เรียนพิเศษแล้ว ต้องทํางานอ่านหนังสือสอบ
แล้วก็ต้องมาเขียนไดอารี่><    ว๊าว วันนี้เขียนได้เยอะแหะ ^^
 วันนี้ก็เขียนวันสุดท้ายแล้ว^^  บ๊ายบาย👋

วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2555

Diary 16/09/12

Diary 16/09/12

วันนี้ตื่นมาซะเที่ยงเลย><
แล้ววันนี้ป๊าก็กลับเชียงใหม่แล้ว จะไม่ได้เจอกันอีกนานเลยยย
การบ้านอะไรไม่รู้เยอะแยะเต็มไปหมด ไม่ได้ทําสักอย่างTT
รู้สึกวันนี้โคตรขี้เกียดเลย อ๊าาา

วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2555

diary 15/09/12

Diary 15/09/12

    แม่งงงง ใครก็ไม่รู้มาเต็มบ้านเลย ไม่รู้จักเกรงใจ มาได้แม่งทุกวัน บ้านไม่มีอยู่เรอะ!!!!!
แล้วมามอง มองคนอื่นไม่ดูตัวเอง คิดว่าเป็นผู้ใหญ่แล้วไง เหอะ

   แล้ววันนี้ไปเรียนเคมีมา สอนอะไรไม่รู้เรื่องเลย สอนเรื่องที่เข้าใจแล้วมาทำให้งงอีก จะบ้าตายยยย


วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2555

Diary 14/09/12

Diary 14/09/12

อ๊่าาาา
วันนี้วันศุกร์เเล้ว ^^  พรุ่งนี้ก็ได้หยุดและแต่การบ้านเยอะมากเลย แรมเซลตั้ง1000คำแล้วเมื่อไหร่จะเสร็จเนี๊ย งานนู้นนี่ก็เยอะแยะ ของตัวเองไม่พอของคนอื่นอีก......... อยากจะบ้าๆๆๆๆ
แล้ววันนี้ก็ไปเปิดเจอสิ่งที่ไม่อยากเจออีก เห้ออออ โคตรผิดหวังเลย :(  รักกันให้ตายไปเลย
เดี๋ยวก็ปิดเทอม สอบก็ตายยยแน่ๆๆๆ 

                                                          
                                                                              แต่ยังไงก็ไม่ชอบวันศุกร์เลย เกลียดๆๆๆๆๆๆ

วันอังคารที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2555

ปรับท่ายืน–นั่ง ช่วยหุ่นเพรียว ไม่ง้อไดเอต



วิธีลดความอ้วน



          ตอนเด็ก ๆ มักจะโดนคุณพ่อคุณแม่กับคุณครูเอ็ดเอาอยู่บ่อย ๆ เรื่องชอบนั่งหลังค่อม ยืนห่อไหล่ สิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องบุคลิกมักจะถูกติติงกันมาตั้งแต่ยังเล็ก ๆ เชื่อว่าหลาย ๆ คนในตอนนั้นคงรู้สึกว่าน่าเบื่อจัง ไม่สบายตัวเลย แต่ลองได้ทำจนเป็นนิสัยมาจนถึงปัจจุบันนี้ มันก็พิสูจน์ให้เห็นได้เลยว่า สิ่งเหล่านั้นมีประโยชน์มากจริง ๆ นอกจากทำให้บุคลิกดูสง่าผ่าเผยดีแล้ว ยังช่วยให้เราดูสูงขึ้น เพรียวขึ้น ได้อีกต่างหาก 
          
          การยืน นั่ง เดิน หรือการวางท่วงท่าในอิริยาบถต่าง ๆ ให้เหมาะสม จะลดแรงเสียดสีที่ข้อต่อ ลดแรงกดที่กระดูกสันหลัง กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้น ระบบไหลเวียนเลือดทำงานได้ดี ช่วยเรื่องการทำงานของระบบย่อยอาหาร 
และผลที่เห็นทันตาสุด ๆ ซึ่งเป็นเรื่องดีสำหรับผู้รักษารูปร่างทั้งหลาย คือ มันทำให้คุณดูผอมเพรียวขึ้นได้ทันใจ เพียงแค่ปรับท่วงท่าการยืน การนั่ง การเดิน ให้ถูกต้องเท่านั้นเอง เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้น ลองมาดูกันเถอะค่ะ ว่าคุณจะปรับท่วงท่าไหนได้บ้าง
แปรงฟัน

 1. ท่ายืนแปรงฟัน 

            Do : ยืนหลังตรงคอตั้ง ไหล่ทั้งสองแบออก ยกมือข้างที่ถือแปรงสีฟันขึ้นให้ข้อศอกอยู่ระดับไหล่ การยืนที่ถูกต้องจะช่วยเตรียมร่างกายของคุณให้พร้อมสำหรับกิจกรรมต่อไปในยามเช้าด้วย  

            Don't : ยืนยื่นหน้าเข้าหากระจก ท่านี้จะเพิ่มแรงกดให้กับกระดูกต้นคอ และทำให้กระดูกสันหลังอ่อนแอ 


ขับรถ

 2. ท่าขับรถ

            Do : นั่งให้สบาย ศีรษะพิงกับเบาะรองศีรษะของส่วนที่นั่ง เงยหน้าให้อยู่ในระดับปกติ ให้บ่าเป็นตัวรองรับน้ำหนักของศีรษะ การนั่งแบบนี้จะช่วยจัดระเบียบกระดูกสันหลัง ทำให้ไม่เกิดอาการปวดหลังและเมื่อยล้าที่บ่า
  
            Don't : นั่งยื่นหน้าและคอเข้าหาพวงมาลัย หากนั่งเช่นนี้นาน ๆ จะทำให้เมื่อยบ่าและเกิดอาการปวดหลังตามมา 


โทรศัพท์มือถือ

 3. ท่าคุยโทรศัพท์ 

            Do : หากเป็นไปได้ควรใช้อุปกรณ์เสริมแฮนด์ฟรีในการคุย อันจะทำให้คุณสามารถคุยโทรศัพท์ได้สะดวกไม่ว่าในท่วงท่าใด ๆ

            Don't : เอนศีรษะเข้าหาโทรศัพท์มาก ๆ หรือหนีบโทรศัพท์เอาไว้ระหว่างไหล่กับใบหู ซึ่งจะทำให้กระดูกคอเสื่อมได้ 


ทำงาน

 4. ท่านั่งทำงาน 

            Do : นั่งหลังตรง แผ่นหลังและข้อพับเข่าด้านหลัง ห่างจากเก้าอี้ 2-4 นิ้ว เท้าวางราบกับพื้น หากใช้คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กให้ปรับหน้าจอเอนราว 110 องศา ซึ่งเป็นมุมที่มองเห็นภาพได้ชัดเจนดี โดยไม่ต้องยื่นหน้าเพ่งเข้าหน้าจอ หากเป็นคอมพิวเตอร์พีซี ต้องปรับเก้าอี้ให้ระดับสายตาพอดีกับหน้าจอ วางคีย์บอร์ดไว้ด้านหน้าในตำแหน่งที่ยื่นมือพิมพ์ได้สะดวก โดยท่วงท่าที่เหมาะสมคือศอกทำมุมราว 90 องศา และแนบชิดกับลำตัว 

            Don't : ยื่นหน้าเพ่งดูหน้าจอ หากศีรษะเลื่อนออกจากระนาบเดียวกับบ่าทั้งสองแล้ว จะทำให้กระดูกคอทำงานหนัก ปวดคอและบ่า ลามไปถึงแผ่นหลังช่วงล่างที่จะมีอาการปวดเมื่อยด้วย


เดิน

 5. ท่าเดิน

            Do : ให้ศีรษะ ไหล่ทั้งสอง หน้าท้อง หัวเข่า และนิ้วเท้า อยู่ในระนาบเดียวกัน ก้าวย่างลงโดยให้จมูกเท้าเป็นส่วนที่สัมผัสกับพื้นเป็นจุดแรก แกว่งแขนเล็กน้อยเพื่อให้เดินได้สบาย และช่วยลดแรงกดที่ไหล่ หากต้องการเดินเพื่อออกกำลังกายให้แขม่วหน้าท้อง และเดินแกว่งแขนที่พับศอกเป็นมุม 90 องศาไปด้วย

            Don't : เดินแอ่นอก หรือศีรษะนำหน้าลำตัว


ทำอาหาร

 6. ท่ายืนทำอาหาร  

            Do : ใช้เวลาช่วงรออาหารสุกในการบริหารร่างกายง่าย ๆ เพื่อช่วยปรับสรีระของคุณ โดยยืนขาชิด แยกปลายเท้าออกจากกัน 45 องศา แยกเข่าย่อตัวลงให้เข่างอระดับหนึ่ง เปิดอกผึ่งผาย สะโพกและไหล่เป็นแนวเส้นตรงระนาบเดียวกัน ย่อขึ้นลงเช่นนี้ 12-15 ครั้ง (สามารถใช้มือข้างหนึ่งจับเก้าอี้ หรือขอบเคาน์เตอร์ไว้ได้ หากมีปัญหาในการทรงตัว) 

            Don't : แอ่นสะโพกพิงกับเตา-เคาน์เตอร์ หรือ ทิ้งน้ำหนักตัวลงที่สะโพกข้างใดข้างหนึ่ง ท่วงท่านี้จะทำให้กระดูกสันหลังคด ปวดหลังและเอว 
ทีวี

 7. ท่านั่งดูโทรทัศน์ 

            Do : วางเท้าทั้งสองระนาบกับพื้น เข่าอยู่ใกล้กัน หลังตรงแต่ไม่เกร็ง ศีรษะอยู่ตำแหน่งเดียวกับกระดูกก้นกบ และให้นั่งผ่อนคลายหลังพิงเบาะได้ตามสบายในช่วงพักโฆษณา
            Don't : นั่งตัวงอเอนหลังจมหายไปในโซฟา หากนั่งในท่วงท่วงท่านี้เป็นประจำ กล้ามเนื้อในร่างกายจะจดจำการนั่งหลังค่อม และจะทำให้คุณปวดเมื่อยแม้จะกลับมานั่งในท่าปกติแล้วก็ตาม 
 
          ในช่วงแรก ๆ การปรับตัวให้อยู่ในท่วงท่าที่เหมาะสมเช่นนี้ อาจทำให้คุณรู้สึกขัด ๆ และเมื่อยเร็ว แต่เมื่อทำเป็นประจำจะพบว่า สรีระโดยรวมของคุณดูดีขึ้น บุคลิกภาพน่ามองทุกท่วงท่า และช่วยให้รูปร่างของคุณดูเพรียวลงได้ด้วย เนื่องจากตัวไม่ห่อ หลังไม่งอ เช่นแต่ก่อน ใครรู้สึกว่าตัวเองก็ไม่ได้มีน้ำหนักเกินมากมาย แต่กลับรู้สึกว่าตัวตัน ๆ และอึดอัด ลองปรับท่วงท่าการเดิน การนั่ง ของคุณตามวิธีที่เราแนะนำไว้กันดูนะคะ ได้ผลดีทีเดียวล่ะค่ะ ^^



ที่มา http://health.kapook.com/view46476.html

8 อาหารมหัศจรรย์เพื่อฟันสวย


แอปเปิ้ล

8 อาหารมหัศจรรย์เพื่อฟันสวย (Lisa)

          อยากฟันขาวต้องกินอะไร มีเทคนิคอย่างไรให้คราบอาหารหลุดลอก เรามาลองดูกัน

           1.แอปเปิ้ล และแครอท ทั้งสองอย่างนี้คือผักผลไม้กรอบที่ช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำลาย ซึ่งเป็นน้ำยาทำความสะอาดตามธรรมชาติ และด้วยความกรอบ จึงช่วยขัดคราบออกจากฟันในขณะที่เคี้ยวด้วย

           2.บร็อกโคลี่ ไม่เพียงแต่บร็อกโคลี่จะมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันคุณจากมะเร็งและโรคหัวใจ แต่ยังช่วยปกป้องฟันโดยการสร้างเยื่อบาง ๆ ที่มีฤทธิ์ต้านกรด จึงช่วยปกป้องและเคลือบฟันอีกทีหนึ่ง เคยมีงานวิจัยจากบราซิลพบว่า บร็อกโคลี่จะช่วยลดการสึกกร่อนของเคลือบฟันที่เกิดจากน้ำอัดลมได้กว่าครึ่ง

           3.ส้ม และสับปะรด ผลไม้ทั้งสองช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำลาย สำหรับส้มนั้น ลองนำด้านในของเปลือกมาถูกับฟัน จะช่วยลดการสะสมของคราบ ทำให้ยิ้มของคุณสวยขึ้นอีก

           4.น้ำมะนาว สิ่งที่ต้องลองก็คือ ผสมน้ำมะนาวกับเบคกิ้งโซดา หรือเกลือ เพื่อนำมาแปรงฟันให้ฟันขาว (อย่าลืมกลั้วปากให้สะอาดด้วยน้ำเปล่าหลังจากนั้น เพราะกรดจากน้ำมะนาวอาจทำให้เคลือบฟันกร่อนได้)

           5.สตรอเบอร์รี่ แตกต่างจากเบอร์รี่สีเข้มอื่น ๆ เพราะสตรอเบอร์รี่จะไม่ทำให้ฟันเป็นคราบ แต่จะช่วยขัดฟัน ลองผสมแป้งทำเป็นครีมแล้วทาลงบนฟันสัก 5 นาทีแล้วค่อยล้าง จะพบว่าฟันสะอาดขึ้น

           6.เห็ดหอม ความลับอยู่ที่น้ำตาล Lentinan ในเห็ดหอม จะช่วยป้องกันการสะสมของแบคทีเรียในช่องปากที่นำไปสู่ฟันผุและเคลือบฟันกร่อน

           7.งา เมล็ดงาทำหน้าที่เป็นเหมือนสครับที่ช่วยลดคราบฟัน นอกจากนี้ ยังให้แคลเซียมซึ่งจำเป็นอย่างมากต่อสุขภาพฟันที่ดี นอกจากงาแล้ว ถั่วอย่างเช่น อัลมอนด์ ก็ให้ผลแบบเดียวกัน
           8.น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ นับเป็นน้ำยาขจัดคราบที่ดีมาก แต่รสชาติไม่ค่อยเหมาะกับการนำไปกลั้วปากเท่าไหร่ ลองใช้แอปเปิ้ลไซเดอร์ผสมกับเบกกิ้งโซดาทำเป็นครีมไว้ถูบนฟันจะดีกว่า
Tip

          คุณรู้หรือไม่ว่า.. วิธีแปรงฟันที่ดีที่สุดคือ จับหัวแปรงเอียง 45 องศา แล้วค่อย ๆ แปรงเป็นวงกลม เหมือนจับดินสอ คุณจะได้ไม่แปรงฟันแรงเกินไป



ที่มา  http://health.kapook.com/view45893.html

แค่ปรับเปลี่ยนความคิด ชีวิตก็ดีขึ้นเห็นๆ

แค่ปรับเปลี่ยนความคิด ชีวิตก็ดีขึ้นเห็นๆ

 แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิตเราก็คือการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขนั่นเอง ซึ่งถ้าพูดถึงความสุขแล้ว แต่ละคนก็อาจมีมุมมองแตกต่างกันไป บางคนอาจเรียบง่ายไม่ต้องการมาก ในขณะที่สำหรับบางคนอาจหมายถึงการได้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองฝันเอาไว้ก็ได้ 

          อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าความสุขของคุณจะเป็นแบบไหน เคล็ดลับการทำให้ชีวิตของคุณเข้าใกล้ความสุขขึ้นมาอีกนิดอาจเป็นเรื่องง่ายกว่าที่คุณคิด โดยเพียงแค่คุณปรับเปลี่ยนมุมมองความคิดตามเคล็ดลับดี ๆ ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ก็จะช่วยให้คุณอารมณ์ดีมีความสุขในทุก ๆ วันได้ง่าย ๆ แล้วล่ะ

 1. รู้จักยอมรับความผิดพลาด

          ไม่มีใครในโลกนี้หรอกที่เกิดมาไม่เคยทำผิดอะไรเลย และความผิดพลาดก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอย่างที่คุณคิดด้วย เพราะแม้ว่ามันจะทำให้คุณเสียความมั่นใจไปสักนิด แต่ความผิดพลาดก็เป็นประสบการณ์ดี ๆ ที่จะช่วยให้คุณได้เรียนรู้มากขึ้นเช่นกัน นอกจากนี้ยังช่วยให้คุณรู้จักควบคุมสติเพื่อแก้ไขปัญหา จนกลายเป็นคนที่เข้มแข็งมากขึ้นอีกด้วย คุณจึงไม่ควรลังเลที่จะยอมรับความผิดของตัวเองเด็ดขาด

 2. กล้าที่จะเสี่ยง

          เข้าใจดีว่าความเสี่ยงอาจเป็นเรื่องน่ากลัวในสายตาของหลาย ๆ คน แต่ถ้าคุณไม่กล้าที่จะทำอะไรเลย ชีวิตก็คงหยุดนิ่งอยู่กับที่ ไม่มีวันพัฒนาไปไหนได้หรอก เพราะฉะนั้นคุณจึงควรกล้าที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นในชีวิตบ้าง แม้ว่าบางครั้งอาจต้องเสี่ยงไปบ้างก็ตาม เพราะต่อให้เกิดความผิดพลาดขึ้นมา ก็ยังจะดีซะกว่าที่จะต้องมาเสียใจทีหลังจากการที่ตัวเองไม่ได้ลองพยายามทำอะไรเลย 

 3. หันมามองโลกในแง่บวก

          หากคุณเป็นคนที่รู้จักมองโลกในแง่ดี ชีวิตของคุณก็จะมีความสุขมากขึ้นอีกเยอะ เพราะต่อให้เจอเรื่องร้าย ๆ แค่ไหน คุณก็จะไม่เครียดมากนัก และมีสติพอที่จะมองหาข้อดีของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้เอง ทำให้การแก้ไขปัญหาเร็วขึ้นตามไปด้วย ผิดกับคนที่มองโลกในแง่ร้ายที่จะทำให้เรื่องยิ่งดูแย่ลงไปอีก จนกลายเป็นคนไม่มีความสุขและทำให้ชีวิตเป็นเรื่องยากขึ้นไปอีก แบบนี้แล้วจะทำตัวเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายให้ชีวิตแย่ลงต่อไปอีกทำไมกันล่ะ

สุขภาพดี

 4. เลิกนิสัยอยากเอาชนะ

          นิสัยอยากเอาชนะนี่แหละ ที่ทำให้คนเราต้องล้มเหลวกันมามากแล้ว เพราะมัวแต่คิดว่าตัวเองจะต้องชนะเท่านั้น ถึงทำให้หลาย ๆ คนมักดันทุรังทำในสิ่งที่ล้มเหลวไปแล้วเพียงเพื่อเอาชนะคนที่ตัวเองเกลียดชังจนต้องสูญเสียอะไรไปหลาย ๆ อย่างโดยไม่จำเป็น ซึ่งการทำแบบนั้นไม่ได้ช่วยอะไรเลย มีแต่จะทำให้คุณไม่มีความสุขและไม่พัฒนาไปไหนซะมากกว่า เพราะฉะนั้นเลิกเปรียบเทียบตัวเองกับใคร และพยายามให้ดีที่สุดเท่าที่ตัวเราจะทำได้จะดีกว่า

 5. ใช้ชีวิตอย่างมีเป้าหมาย

          การมีจุดมุ่งหมายที่แน่ชัด จะช่วยให้คุณใช้ชีวิตอย่างมีความหมายมากขึ้น เพราะตอนนี้คุณรู้แล้วว่าคุณพยายามทำงานไปเพื่ออะไร และรู้ว่าอีก 10 ปีข้างหน้าอยากให้ตัวเองในอนาคตเป็นอย่างไร จึงทำให้คุณมีไฟในการทำงานมากขึ้นและไม่รู้สึกเบื่อหน่ายอีกต่อไป ดังนั้น ถ้ายังไม่รู้ตัวว่าชอบอะไรก็ลองหางานอดิเรกใหม่ ๆ ทำเพิ่มดู จนกว่าจะเจอสิ่งที่เหมาะกับคุณนะคะ
อาสาสมัคร

 6. รู้จักช่วยเหลือคนอื่น

          เชื่อเถอะว่าการช่วยเหลือคนอื่นจะช่วยให้คุณรู้สึกดีกับตัวมากขึ้นอย่างที่คุณคาดไม่ถึงเลยล่ะ เพราะการทำตัวเป็นประโยชน์กับจะทำให้คุณรู้สึกว่าตัวเองมีค่าขึ้นมาอีกเยอะ ยิ่งไปกว่านั้นยังอาจช่วยให้ได้เพื่อนใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอีกด้วยนะ ฉะนั้น คราวหน้าถ้าเจอคนที่ต้องการความช่วยเหลือแล้วคุณพอจะช่วยเขาได้ก็อย่าลังเลที่จะทำด้วยล่ะ
 

 7. เลิกตัดสินคนอื่น

          โลกนี้ไม่มีใครดีพร้อมไปซะทุกอย่างหรอก แม้แต่ตัวคุณเองก็เช่นกัน คุณจึงควรเลิกใช้ทิฐิของตัวเองตัดสินคนอื่นเสียที เพราะแม้ว่าเขาจะมีข้อเสียไปบ้าง เขาก็อาจมีข้อดีอย่างที่คุณคาดไม่ถึงเลยก็ได้ และถ้าคุณเปิดใจให้กว้างยอมรับคนอื่นให้มากขึ้น อาจช่วยให้คุณได้มีเพื่อนใหม่เพิ่ม และได้ขยายมุมมองความคิดให้กว้างขึ้นไปอีกอย่างที่คุณไม่คาดฝันเลยก็ได้นะ
 8. เตรียมพร้อมรับสิ่งไม่คาดฝันตลอดเวลา

          ชีวิตเรามีเรื่องไม่คาดฝันทุกวันนั่นแหละ ยกตัวอย่างง่าย ๆ เช่น บางวันคิดว่าฝนจะไม่ตกยังตกได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับเรื่องที่หนักกว่านั้น เราจะมั่นใจได้อย่างไรว่าพรุ่งนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างในเมื่ออนาคตไม่ใช่สิ่งแน่นอน เพราะฉะนั้นวิธีรับมือที่ดีที่สุดก็คือ เตรียมใจพร้อมรับสิ่งไม่คาดฝันเสมอนั่นเอง คุณจะได้มีสติมากพอที่จะแก้ไข แทนที่จะแตกตื่นจนทำอะไรไม่ถูกเมื่อมีปัญหาเข้ามา
มิตรภาพ

 9. รักตัวเองและคนรอบข้างให้มากขึ้น

          ไม่ว่าอย่างไรความรักก็เป็นสิ่งที่คนเราขาดไปไม่ได้หรอก เพราะถ้าไม่มีมันแล้ว ชีวิตก็คงจะแห้งเหี่ยวจืดชืดน่าดู คุณจึงควรเอาใจใส่ดูแลคนรอบข้างให้ดี เพื่อให้ความรักของคุณราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นความรักแบบคนรัก เพื่อน หรือครอบครัวก็ตาม และที่สำคัญต้องไม่ลืมที่จะรักตัวเองด้วย เพราะถ้าคุณไม่รักตัวเองแล้ว คงไม่มีวันรักใครได้เต็มที่หรอก
 10. ไม่เสียใจในสิ่งที่่ผ่านไปแล้ว

          สุดท้ายแล้ว คุณควรใช้ชีวิตทุกวันให้คุ้มค่า ไม่ให้ต้องรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ผ่านไปแล้ว และไม่มีวันย้อนเวลากลับไปแก้ไขได้อีก คุณควรจำไว้ว่าคนเราต้องเดินหน้าต่อไป และเก็บอดีตไว้เป็นบทเรียนเท่านั้น ไม่ใช่สิ่งที่คอยตามมาหลอกหลอนตัวเองให้ไม่มีความสุข ซึ่งถ้าวันหนึ่งสามารถทำแบบนี้ได้เมื่อไหร่ก็จะช่วยให้คุณมีความสุขขึ้นมาได้เองนั่นแหละ

          เชื่อเถอะว่าเพียงแค่ใช้ชีวิตทุกวันด้วยการยิ้มรับสิ่งใหม่ ๆ เข้าไว้ และไม่กดดันตัวเองมากเกินไป เพียงแค่นี้คุณก็สามารถมีความสุขได้ง่าย ๆ แล้วล่ะ เพราะฉะนั้นอย่าลืมเอาเคล็ดลับที่เราแนะนำนี้ไปใช้กันดูนะคะ


ที่มา http://health.kapook.com/view46544.html